Dictionary : English, Thai, Pali. Link : Lexitron, RoyDict, BudDict, ETipitaka, PpmDict, Longdo.
Search: .

Budhism Thai-Thai Dict : , 39 found, display 1-39
  1. ทนิทโน : ธรรยังควาาให้สร่าง, ควาสร่างเา (ไวพจน์อย่างหนึ่งของวิราคะ)
  2. โกสัพี : ชื่อนครหลวงของแคว้นวังสะ อยู่ตอนใต้ของแ่น้ำยุนา บัดนี้เรียกว่า โกสั (Kosam)
  3. นวกัาธิฏฐายี : ผู้อำนวยการก่อสร้าง เช่น ที่พระโคคัลลานะได้รับอบหายจากพระบรศาสดาให้เป็นผู้อำนวยการสร้างบุพพาราที่นางวิสาขาบริจาคทุนสร้างที่กรุงสาวัตถี
  4. นวกัิกะ : ผู้ดูแลนวกรร, ภิกษุผู้ได้รับสติคือแต่งตั้งจากสงฆ์ ให้ทำหน้าที่ดูแลการก่อสร้างและปฏิสังขรณ์ในอารา
  5. นิโครธารา : อาหารที่พระญาติสร้างถวายพระพุทธเจ้า อยู่ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์
  6. เนกขัวิตก : ควาตรึกที่จะออกจากกา หรือตรึกที่จะออกบวช, ควาดำริ หรือควาคิดที่ปลอดจากควาโลภ (ข้อ ๓ ในกุศลวิตก ๓)
  7. ปุริสสัพพนา : คำทางไวยากรณ์ หายถึงคำแทนชื่อเพื่อกันควาซ้ำซาก ในภาษาบาลีหายถึง ต, ตฺุห, อฺห, ศัพท์ในภาษาไทย เช่น ฉัน, ผ, ท่าน, เธอ, เขา, ัน เป็นต้น
  8. ภุชกภิกษุ : ชื่อภิกษุผู้โจทพระทัพพัลลบุตร คู่กับพระเตติยะ
  9. ภุเทวะ : เทวดาผู้อาศัยอยู่บนแผ่นดิน เช่น พระภูิ เป็นต้น
  10. ัยประเทศ : ดู ัชฌิชนบท
  11. กัลักขณะ : การอันีลักษณะเป็น (สังฆ) กรรนั้นได้, กิจการที่ีลักษณะอันจัดเข้าเป็นสังฆกรรอย่างหนึ่ง ในสังฆกรรประเภทนั้นได้ แต่ท่านไ่ได้ออกชื่อไว้ และไ่อาจจัดเข้าในชื่ออื่นๆ แห่งสังฆกรรประเภทเดียวกัน เช่น การอปโลกน์แจกอาหารในโรงฉัน เป็นกัลักขณะ ในอปโลกนกรร การประกาศเริ่ต้นระงับอธิกรณ์ด้วยติณวัตถารกวินัย เป็นกัลักขณะในญัตติกรร ญัตติทุติยกรรที่สวดในลำดับไปในการระงับอธิกรณ์ด้วยติณวัตถารกวินัย เป็นกัลักขณะในญัตติทุติยกรร อุปสบทและอัพภานเป็นกัลักขณะในญัตติจตุตถกรร
  12. กุศลวิตก : ควาตริตรึกที่เป็นกุศล, ควานึกคิดที่ดีงาี ๓ คือ ๑.เนกขัวิตก ควาตรึกปลอดจากกา ๒.อพยาบาทวิตก ควาตรึกปลอดจากพยาบาท ๓.อวิหิงสาวิตก ควาตรึกปลอดจากการเบียดเบียน
  13. โกสัพิกขันธกะ : ชื่อขันธกะที่ ๑๐ (สุดท้าย) แห่งคัภีร์หาวรรค วินัยปิฎกว่าด้วยเรื่องภิกษุชาวเืองโกสัพีทะเลาะวิวาทกัน จนเป็นเหตุให้พระพุทธเจ้าเสด็จไปจำพรรษาในป่ารักขิตวัน ตำบลปาริไลยกะ ในที่สุด พระภิกษุเหล่านั้น ถูกหาชนบีบคั้นให้ต้องกลับปรองดองกัน บังเกิดสังฆสาัคคีอีกครั้งหนึ่ง
  14. โฆสิตารา : ชื่อวัดสำคัญในกรุงโกสัพี ครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยประทับหลายครั้ง เช่น คราวที่ภิกษุชาวโกสัพีแตกกัน เป็นต้น
  15. เจ้าอธิการแห่งอารา : ภิกษุผู้ีหน้าที่เกี่ยวกับงานวัด แยกเป็น ๓ คือ ผู้ใช้คนงานวัด (อาราิกเปสก) ผู้ใช้สาเณร (สาเณรเปสก) และผู้ดูแลปลูกสร้าง (นวกัิกะ)
  16. ชนนี : หญิงผู้ให้เกิด, แ
  17. เทวทูต : ทูตของยเทพ, สื่อแจ้งข่าวของฤตยู, สัญญาที่เตือนให้ระลึกถึงคติ ธรรดาของชีวิติให้ีควาประาท จัดเป็น ๓ ก็ี ได้แก่ คนแก่ คนเจ็บ และคนตาย, จัดเป็น ๕ ก็ี ได้แก่ เด็กแรกเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนถูกลงราชทัณฑ์ และคนตาย (เทวทูต ๓ าในอังคุตตรนิกาย ติกนิบาต, เทวทูต ๕ าในเทวทูตสูตร ัชฌินิกาย อุปริปัณณาสก์); ส่วน เทวทูต ๔ ที่เจ้าชายสิทธัตถะพบก่อนบรรพชา คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย สณะนั้น ๓ อย่างแรก เป็นเทวทูต ส่วนสณะเรียกรวเป็นเทวทูตไปด้วยโดยปริยาย เพราะาในหวดเดียวกัน แต่ในบาลี ท่านเรียกว่า นิิต ๔ หาเรียกเทวทูต ๔ ไ่ อรรถกถาบางแห่งพูดแยกว่า พระสิทธัตถะเห็นเทวทูต ๓ และสณะ (ีอรรถกถาแห่งหนึ่งอธิบายในเชิงว่าอาจเรียกทั้ง ๔ อย่างเป็นเทวทูตได้ โดยควาายว่า เป็นของที่เทวดานิริตไว้ ระหว่างทางเสด็จของพระสิทธัตถะ)
  18. นาคิตะ : พระเถระหาสาวกองค์หนึ่ง เคยเป็นอุปัฏฐากของพระพุทธองค์ ีพระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่ท่านเกี่ยวกับเนกขัสุข ปรากฏอยู่ในคัภีร์อังคุตตรนิกาย ๒-๓ แห่ง
  19. ปาริเลยยกะ : ชื่อแดนบ้านแห่งหนึ่งใกล้เืองโกสัพีที่พระพุทธเจ้าเสด็จเข้าไปอาศัยอยู่ในป่ารักขิตวันด้วยทรงปลีกพระองค์ จากพระสงฆ์ผู้แตกกันในกรุงโกสัพี; ช้างที่ปฏิบัติพระพุทธเจ้าที่ป่านั้น ก็ชื่อ ปาริเลยยกะ; เราเรียกกันในภาษาไทยว่า ปาเลไลยก์ก็ี ป่าเลไลยก์ ก็ี ควรเขียน ปาริไลยก์ หรือปาเรไลยก์
  20. ผ้าป่า : ผ้าที่ทายกถวายแก่พระโดยวิธีปล่อยทิ้งให้พระาชักเอาไปเอง อย่างเป็นผ้าบังสุกุล, ตาธรรเนียจะถวายหลังเทศกาลกฐินออกไป; คำถวายผ้าป่าว่า "อิินา ยํ ภนฺเต, ปํสุกูลจีวรานิ, สปริวารานิ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส, โอโณชยา, สาธุ โน ภนฺเต, ภิกฺขุสงฺโฆ, อิานิ, ปํสุกูลจีวรานิ, สปริวารานิ, ปฏิคฺคณฺหาตุ, อฺหากํ, ทีฆรตฺตํ, หิตาย, สุขาย" แปลว่า ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อถวายผ้าบังสุกุลจีวร กับทั้งบริวารเหล่านี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ของพระภิกษุสงฆ์จงรับผ้าบังสุกุลจีวร กับทั้งบริวารเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์และควาสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย สิ้นกาลนาน เทอญฯ
  21. พากุละ : พระหาสาวกองค์หนึ่ง เป็นบุตรเศรษฐีเืองโกสัพี ีเรื่องเล่าว่า เื่อยังเป็นทารก ขณะที่พี่เลี้ยงนำไปอาบ***เล่นที่แ่*** ท่านถูกปลาใหญ่กลืนลงไปอยู่ในท้อง ต่อาปลานั้นถูกจับได้ที่เืองพาราณสี และถูกขายให้แก่ภรรยาเศรษฐีเืองพาราณสี ภรรยาเศรษฐีผ่าท้องปลาพบเด็กแล้วเลี้ยงไว้เป็นบุตร ฝ่ายารดาเดิทราบข่าว จึงขอบุตรคืน ตกลงกันไ่ได้ จนพระราชาทรงตัดสินให้เด็กเป็นทายาทของทั้ง ๒ ตระกูล ท่านจึงได้ชื่อว่า "พากุละ" แปลว่า คน ๒ ตระกูล หรือผู้ที่ ๒ ตระกูลเลี้ยง ท่านอยู่ครองเรือนาจนอายุ ๘๐ ปี จึงได้ฟังพระศาสดาทรงแสดงพระธรรเทศนา ีควาเลื่อใสขอบวชแล้วบำเพ็ญเพียรอยู่ ๗ วัน ได้บรรลุพระอรหัต ได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในทางเป็นผู้ีอาพาธน้อย คือสุขภาพดี; พักกุละ ก็เรียก
  22. โพธิ : ต้นโพธิ์, ต้นไ้ที่พระพุทธเจ้าได้ประทับ ณ ภายใต้ร่เงาในคราวตรัสรู้, ต้นไ้เป็นที่ตรัสรู้และต้นไ้อื่นที่เป็นชนิดเดียวกันนั้น สำหรับพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ได้แก่ พันธุ์ไ้อัสสัตถะ (ต้นโพ) ต้นที่อยู่ ณ ฝั่งแ่น้ำเนรัญชรา ตำบลคยา; ต้นโพธิ์ ตรัสรู้ที่เป็นหน่อของต้นเดิที่คยา ได้ปลูกเป็นต้นแรกในสัยพุทธกาล (ปลูกจากเล็ด) ที่ประตูวัดพระเชตวัน โดยพระอานนท์เป็นผู้ดำเนินการตาควาปรารภของอนาถบิณฑิกเศรษฐี และเรียกชื่อว่า อานันทโพธิ; หลังพุทธกาล ในสัยพระเจ้าอโศกหาราช พระนาง สังฆิตตาเถรี ได้นำกิ่งด้านขวาของต้นหาโพธิ์ที่คยานั้นไปอบแด่พระเจ้าเทวานัปิยติสสะ ทรงปลูกไว้ ณ เืองอนุราธปุระ ในลังกาทวีป ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นต้นไ้เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ยังคงีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน; ในประเทศไทย สัยราชวงศ์จักรี พระสณทูตไทยในสัย ร.๒ ได้นำหน่อพระศรีหาโพธิ์ที่เืองอนุราธปุระา ๖ ต้น ใน พ.ศ. ๒๓๕๗ โปรดให้ปลูกไว้ที่เืองนครศรีธรรราช ๒ ต้น นอกนั้นปลูกที่วัดหาธาตุ วัดสุทัศน์ วัดสระเกศและที่เืองกลันตัน แห่งละ ๑ ต้น; ต่อา ในสัย ร.๕ ประเทศไทยได้พันธุ์ต้นหาโพธิจากคยาโดยตรงครั้งแรก ได้ปลูกไว้ ณ วัดเบญจบพิตรและวัดอัษฎางคนิิตร
  23. โพธิพฤกษ์ : ต้นโพธิ์, ต้นไ้ที่พระพุทธเจ้าได้ประทับ ณ ภายใต้ร่เงาในคราวตรัสรู้, ต้นไ้เป็นที่ตรัสรู้และต้นไ้อื่นที่เป็นชนิดเดียวกันนั้น สำหรับพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ได้แก่ พันธุ์ไ้อัสสัตถะ (ต้นโพ) ต้นที่อยู่ ณ ฝั่งแ่น้ำเนรัญชรา ตำบลคยา; ต้นโพธิ์ ตรัสรู้ที่เป็นหน่อของต้นเดิที่คยา ได้ปลูกเป็นต้นแรกในสัยพุทธกาล (ปลูกจากเล็ด) ที่ประตูวัดพระเชตวัน โดยพระอานนท์เป็นผู้ดำเนินการตาควาปรารภของอนาถบิณฑิกเศรษฐี และเรียกชื่อว่า อานันทโพธิ; หลังพุทธกาล ในสัยพระเจ้าอโศกหาราช พระนาง สังฆิตตาเถรี ได้นำกิ่งด้านขวาของต้นหาโพธิ์ที่คยานั้นไปอบแด่พระเจ้าเทวานัปิยติสสะ ทรงปลูกไว้ ณ เืองอนุราธปุระ ในลังกาทวีป ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นต้นไ้เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ยังคงีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน; ในประเทศไทย สัยราชวงศ์จักรี พระสณทูตไทยในสัย ร.๒ ได้นำหน่อพระศรีหาโพธิ์ที่เืองอนุราธปุระา ๖ ต้น ใน พ.ศ. ๒๓๕๗ โปรดให้ปลูกไว้ที่เืองนครศรีธรรราช ๒ ต้น นอกนั้นปลูกที่วัดหาธาตุ วัดสุทัศน์ วัดสระเกศและที่เืองกลันตัน แห่งละ ๑ ต้น; ต่อา ในสัย ร.๕ ประเทศไทยได้พันธุ์ต้นหาโพธิจากคยาโดยตรงครั้งแรก ได้ปลูกไว้ ณ วัดเบญจบพิตรและวัดอัษฎางคนิิตร
  24. ฆเทวะ : พระเจ้าแผ่นดินผู้ครองแคว้นวิเทหะพระองค์หนึ่ง สัยก่อนพุทธกาล เรียก ขาเทวะ ก็
  25. หาวรรค : ชื่อคัภีร์อันเป็นหวดที่ ๓ ใน ๕ หวด แห่งพระวินัยปิฎก คือ อาทิกั์ ปาจิตตีย์ หาวรรค จุลวรรค บริวาร, หาวรรค ี ๑๐ ขันธกะ (หวด ตอน หรือบท) คือ ๑.หาขันธกะ (ว่าด้วยการบรรพชาอปสบท เริ่แต่เหตุการณ์หลังตรัสรู้ให่ๆ และการประดิษฐานพระศาสนา) ๒.อุโปสถขันธกะ (ว่าด้วยอุโบสถและสีา) ๓.วัสสูปนายิกขันธกะ (ว่าด้วยการเข้าพรรษา) ๔.ปวารณาขันธกะ (ว่าด้วยปวาณา) ๕.จัขันธกะ (ว่าด้วยเครื่องหนัง เช่น รองเท้าและเครื่องลาด) ๖.เภสัชชขันธกะ (ว่าด้วยเรื่องยาตลอดจนเรื่องกัปปิยะ อกัปปิยะ และกาลิกทั้ง ๔) ๗.กฐินขันธกะ (ว่าด้วยกฐิน) ๘.จีวรขันธกะ (ว่าด้วยเรื่องจีวร) ๙.จัเปยยขันธกะ (ว่าด้วยข้อควรทราบบางอย่างเกี่ยวกับนิคคหกรรต่างๆ) ๑๐.โกสัพิกขันธกะ (ว่าด้วยเรื่องภิกษุชาวเืองโกสัพี วิวาทกันและสังฆสาัคคี) ดู ไตรปิฎก
  26. หาวัน : 1.ป่าใหญ่ใกล้นครกบิลพัสดุ์ ที่พระพุทธเจ้าเคยไปทรงพักผ่อน ระหว่างประทับอยู่ที่นิโครธารา 2.ป่าใหญ่ใกล้เืองพาราณสี ณ ที่นี้พระศาสดาทรงอนุญาตให้ีภิกษุณีขึ้นเป็นครั้งแรก โดยประทานอนุญาตให้พระหาปชาบดีบวชเป็นภิกษุณี ด้วยวิธีรับครุธรร ๘ ประการ
  27. ังสจักขุ : จักษุคือดวงตา เป็นคุณพิเศษของพรพุทธเจ้า คือ ีพระเนตรที่งา แจ่ใส ไว และเห็นได้ชัดเจนแ้ในระยะไกล (ข้อ ๑ ในจักษุ ๕)
  28. ตติยะ : ชื่อภิกษุผู้โจทพระทัพพัลลบุตร คู่กับพระภุชกะ
  29. ตติยาภิกษุณี : ภิกษุณีผู้เป็นตัวการรับอบหายจากพระเตติยะและพระภุชกะาเป็นผู้โจทพระทัพพัลลบุตรด้วยข้อหาปฐปาราชิก
  30. รักขิตวัน : ชื่อป่าที่พระพุทธเจ้าเสด็จหลีกไปสำราญพระอิริยาบถเื่อสงฆ์เืองโกสัพีแตกกัน ดู ปาริเลยยกะ
  31. วังสะ : ชื่อแคว้นหนึ่งในบรรดา ๑๖ แคว้นใหญ่แห่งชพูทวีป ตั้งอยู่ในเขตัชฌิชนบท ทางทิศใต้ของแคว้นโกศล ทางทิศตะวันตกของแคว้นกาสี และทางทิศเหนือของแคว้นอวันตี นครหลวงชื่อโกสัพี บัดนี้เรียกว่าโกสั (Kosam) อยู่บนฝั่งใต้ของแ่น้ำยุนา ในสัยพุทธกาล วังสะเป็นแคว้นที่รุ่งเรืองและีอำนาจากแคว้นหนึ่ง ีราชาปกครองพระนาว่า พระเจ้าอุเทน
  32. วัฑฒลิจฉวี : เจ้าลิจฉวีชื่อว่าวัฑฒะ ถูกพระเตติยะ และพระภุชกะเสี้ยสอนให้ทำการโจทพระทัพพัลลบุตร ด้วยอาบัติปฐปาราชิก เป็นต้นเหตุให้พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติการลงโทษคว่ำบาตร
  33. ไวพจน์ : คำที่ีรูปต่างกันแต่ีควาายคล้ายกัน, คำสำหรับเรียกแทนกัน เช่น คำว่า ทนิทโน เป็นต้น เป็นไวพจน์ของ วิราคะ คำว่า วิุตติ วิสุทธิ สันติ อสังขตะ วิวัฏฏ์ เป็นต้น เป็นไวพจน์ของนิพพาน ดังนี้เป็นต้น
  34. ติสัจจะ : จริงโดยสติ คือ โดยควาตกลงหายรู้ร่วกันของนุษย์ เช่น นาย ก.นาย ข.ช้าง ้า ด โต๊ะ หนังสือ พ่อ แ่ ลูก เพื่อน เป็นต้น ซึ่งเื่อกล่าวตาสภาวะ หรือโดยปรัตถ์แล้ว ก็เป็นเพียงสังขาร หรือนารูป หรือขันธ์ ๕ เท่านั้น; คู่กับ ปรัตถสัจจะ
  35. สังฆทาน : ทานเพื่อสงฆ์, การถวายแก่สงฆ์ คือถวายเป็นกลาง ๆ ไ่จำเพาะเจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง เช่น จะทำพิธีถวายของที่ีจำนวนจำกัดพึงแจ้งแก่ทางวัดให้จัดพระไปรับตาจำนวนที่ต้องการ หัวหน้าสงฆ์จัดภิกษุใดไปพึงทำใจว่า ท่านารับในนาของสงฆ์ หรือ เป็นผู้แทนของสงฆ์ทั้งหด ไ่พึงเพ่งเล็งว่าเป็นบุคคลใด คิดตั้งใจแต่ว่าจะถวายอุทิศแก่สงฆ์; ในพิธีพึงจุดธูปเทียนบูชาพระ อาราธนาศีล รับศีล จบแล้วตั้งนโ ๓ จบ กล่าวคำถวายเสร็จแล้วประเคนของ และเื่อพระสงฆ์อนุโทนา พึงกรวดน้ำ รับพร เป็นเสร็จพิธี; คำถวายสังฆทานว่าดังนี้ : อิานิ ยํ ภนฺเต, ภตฺตานิ, สปริวารานิ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส, โอโณชยา, สาธุ โน ภนฺเต, ภิกฺขุสงฺโฆ, อิานิ, ภตฺตานิ, สปริวารานิ, ปฏิคฺคณฺหาตุ, อฺหากํ, ทีฆรตฺตํ, หิตาย, สุขาย, แปลว่า : ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อถวาย ภัตตาหาร กับทั้งบริวารเหล่านี้แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับ ภัตตาหาร กับทั้งบริวารเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ และควาสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย สิ้นกาลนานเทอญ ฯ
  36. สังฆิตตา : พระราชบุตรีของพระเจ้าอโศกหาราช ทรงผนวชเป็นภิกษุณี และไปประดิษฐานภิกษุณีสงฆ์ที่ลังกาทวีป พร้อทั้งนำกิ่งพระศรีหาโพธิไปถวายแก่พระเจ้าเทวานัปิยติสสะด้วย
  37. สัาสังกัปปะ : ดำริชอบ คือ ๑.เนกขัสังกัปปะ ดำริจะออกจากกาหรือปลอดจากโลภะ ๒.อัพยาปาทสังกัปปะ ดำริในอันไ่พยาบาท ๓.อวิหิงสาสังกัปปะ ดำริในอันไ่เบียดเบียน (ข้อ ๒ ในรรค)
  38. อัปยศ : ปราศจากยศ, เสียชื่อเสียง, เสือเสีย, น่าขายหน้า
  39. อุเทน : พระเจ้าแผ่นดินแคว้นวังสะ ครั้งพุทธกาล ครองราชสบัติอยู่ที่กรุงโกสัพี
  40. [1-39]

(0.0199 sec)