Dictionary : English, Thai, Pali. Link : Lexitron, RoyDict, BudDict, ETipitaka, PpmDict, Longdo.
Search: , then , .

Budhism Thai-Thai Dict : , 35 found, display 1-35
  1. กุณฏก ภัททิยะ : พระมหาสาวกองค์หนึ่ง เป็นบุตรในตระกูมั่งคั่ง ชาวพระนครสาวัตถี ได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาที่พระเชตวันมีความเื่อมใสจึงบวชในพระพุทธศาสนา ท่านมีรูปร่างเตี้ยค่อมจนบางคนเห็นท่านแ้วหัวเราะจนเห็นฟัน ท่านกำหนดฟันนั้นเป็นอารมณ์กรรมฐาน ได้สำเร็จอนาคามิผ ต่อมาท่านได้บรรุพระอรหัตในสำนักพระสารีบุตร แต่เพราะความที่มีรูปร่างเ็กเตี้ยค่อม ท่านมักถูกเข้าใจผิดเป็นสามเณรบ้าง ถูกพระหนุ่มเณรน้อย้อเียนบ้าง ถูกเพื่อนพระดูแคนบ้าง แต่พระพุทธเจ้ากับตรัสยกย่องว่าถึงท่านจะร่างเ็ก แต่มีคุณธรรมฤทธานุภาพมาก ท่านได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในทางมีเสียงไพเราะ
  2. กามสุขัิกานุโยค : การประกอบตนให้พัวพันหมกมุ่นอยู่ในกามสุข เป็นที่สุดอย่างหนึ่ง ในบรรดาที่สุด ๒ คือ กามสุขัิกานุโยค ๑ อัตตกิมถานุโยค ๑
  3. ราหุ : พระมหาสาวกองค์หนึ่ง เป็นโอรสของเจ้าชายสิทธัตถะ คราวพระพุทธเจ้าเสด็จนครกบิพัสดุ์ ราหุกุมารเข้าเฝ้าทูขอทายาทสมบัติตามคำแนะนำของพระมารดา พระพุทธเจ้าจะประทานอริยทรัพย์ จึงให้พระสารีบุตรบวชราหุเป็นสามเณร นับเป็นสามเณรองค์แรกในพระพุทธศาสนา ต่อมาได้อุปสมบทเป็นภิกษุได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในทางเป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษา อรรถกถาว่าพระราหุปรินิพพานในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ก่อนพุทธปรินิพพาน แะก่อนการปรินิพพานของพระสารีบุตร
  4. โกสั : ความฉาด, ความเชี่ยวชาญ มี ๓ คือ ๑.อายโกศ ความฉาดในความเจริญ, รอบรู้ทางเจริญแะเหตุของความเจริญ ๒.อปายโกศ ความฉาดในความเสื่อม, รอบรู้ทางเสื่อมแะเหตุของความเสื่อม ๓.อุปายโกศ ความฉาดในอุบาย, รอบรู้วิธีแก้ไขเหตุการณ์แะวิธีที่จะทำให้สำเร็จ ทั้งในการป้องกันความเสื่อมแะในการสร้างความเจริญ
  5. ถุโกฏฐิตนิคม : นิคมแห่งหนึ่งอยู่ในแคว้นกุรุ
  6. สีวิบัติ : เสียศี, สำหรับภิกษุ คือต้องอาบัติปาราชิกหรือสังฆาทิเสส (ข้อ ๑ ในวิบัติ ๔)
  7. สีวิสุทธิ : ความหมดจดแห่งศี คือรักษาศีให้บริสุทธิ์ตามภูมิของตนซึ่งจะช่วยเป็นฐานให้เกิดสมาธิได้ (ข้อ ๑ ในวิสุทธิ ๗)
  8. กัมมขันธกะ : ชื่อหมวดหนึ่งในคัมภีร์จุวรรค พระวินัยปิฎก ว่าด้วยนิคคหกรรม ๕ ประเภท
  9. ที่สุด ๒ อย่าง : ข้อปฏิบัติที่ผิดพาดไม่อาจนำไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ ๒ อย่าง คือ ๑.การประกอบตนให้พัวพันด้วยความสุขในกามทั้งหาย เรียกว่า กามสุขัิกานุโยค ๒.การประกอบความเหน็ดเหนื่อยแก่ตนเป่า หรือการทรมานตนให้ำบากเป่า เรียกว่า อัตตกิมถานุโยค
  10. นวังคสัตถุศาสน์ : คำสั่งสอนของพระศาสดา มีองค์ ๙, พุทธพจน์มีองค์ประกอบ ๙ อย่าง, ส่วนประกอบ ๙ อย่างที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า คือ ๑.สุตตะ (พระสูตรทั้งหาย รวมทั้งพระวินัยปิฎกแะนิทเทส) ๒.เคยยะ (ความที่มีร้อยแก้วแะร้อยกรองผสมกัน ได้แก่ พระสูตรที่มีคาถาทั้งหมด) ๓.เวยยากรณะ (ไวยากรณ์ คือความร้อยแก้ว้วน ได้แก่ พระอภิธรรมปิฎกทั้งหมด แะพระสูตรที่ไม่มีคาถาเป็นต้น).๕.อุทาน (ได้แก่ พระคาถาพุทธอุทาน ๘๒ สูตร) ๖.อิติวุตตกะ (พระสูตรที่เรียกว่าอิติวุตตกะ ๑๑๐ สูตร) ๗.ชาตกะ (ชาดก ๕๕๐ เรื่อง) ๘.อัพภูตธรรม (เรื่องอัศจรรย์ คือพระสูตรที่ก่าวถึงข้ออัศจรรย์ต่างๆ) ๙.เวทัะ (พระสูตรแบบถามตอบที่ให้เกิดความรู้แะความพอใจแ้ว ซักถามยิ่งๆ ขึ้นไป เช่น จูฬเวทัสูตร มหาเวทัสูตร เป็นต้น); เขียนอย่างบาีเป็น นวังคสัตถุสาสน์ ดู ไตรปิฎก
  11. พิมพา : บางแห่งเรียกยโสธรา เป็นพระราชบุตรีของพระเจ้าสุปปพุทธะ กรุงเทวทหะ เป็นพระชายาของพระสิทธัตถะ เป็นพระมารดาของพระราหุ ภายหังออกบวชมีนามว่า พระภัททกัจจานา หรือ ภัททา กัจจานา
  12. ภัททา กัจจานา : พระมหาสาวิกาองค์หนึ่ง เป็นธิดาของพระเจ้าสุปปพุทธะแห่งโกสิยวงศ์ พระนามเดิมว่า ยโสธรา หรือ พิมพา เป็นพระมารดาของพระราหุพุทธชิโนรส ได้นามว่า ภัททากัจจานา เพราะทรงมีฉวีวรรณดุจทองคำเนื้อเกี้ยง บวชเป็นภิกษุณี ในพระพุทธศาสนาเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน ไม่ช้าก็ได้สำเร็จพระอรหัต ได้รับยกย่องว่า เป็นเอตทัคคะในทางบรรุมหาภิญญา เรียกภัททกัจจานา ก็มี
  13. มหาปันถกะ : พระมหาสาวกองค์หนึ่ง เป็นบุตรของธิดาเศรษฐี กรุงราชคฤห์ ไปวัดกับเศรษฐีผู้เป็นตา ได้ฟังเทศนาของพระศาสดาอยู่เสมอ จิตก็น้อมไปทรงบรรพชา จึงบวชเป็นสามเณรตั้งแต่ยังเด็ก เมื่ออายุครบ ก็อุปสมบทต่อมาได้สำเร็จพระอรหัตพระศาสดาทรงยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะทางด้านเป็นผู้ฉาดในปัญญาวิวัฏฏ์ เพราะท่านชำนาญในอรูปาวจรฌานแะเชี่ยวชาญทางด้านวิปัสสนา ท่านเคยรับหน้าที่เป็นภัตตุทเทสก์ คือ ผู้จัดแจกอาหารของสงฆ์ด้วย, ท่านเป็นพี่ชายของพระจุปันถกะ หรือจูฬบันถก
  14. มัชฌิมาปฏิปทา : ทางสายกาง, ข้อปฏิบัติเป็นกางๆ ไม่หย่อนจนเกินไป แะไม่ตึงจนเกินไป ไม่ข้องแวะที่สุด ๒ อย่างคือ กามสุขัิกานุโยค แะ อัตตกิมถานุโยค, ทางแห่งปัญญา (เริ่มด้วยปัญญา, ดำเนินด้วยปัญญา นำไปสู่ปัญญา) อันพอดีที่จะให้ถึงจุดหมาย คือ ความดับกิเสแะความทุกข์ หรือความหุดพ้นเป็นอิสระสิ้นเชิง ได้แก่มรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น สัมมาสมาธิเป็นที่สุด
  15. ยโสธรา : 1.เจ้าหญิงศากยวงศ์ เป็นพระราชบุตรีของพระเจ้าชยเสนะ เป็นพระมเหสีของพระเจ้าอัญชนะผู้ครองกรุงเทวทหะ เป็นพระมารดาของพระนางสิริมหามายา แะพระนางปชาบดีโคตมี 2.อีกชื่อหนึ่งว่าพิมพา เป็นเจ้าหญิงแห่งเทวทหนคร เป็นพระราชบุตรีของพระเจ้าสุปปพุทธะ เป็นพระชายาของพระสิทธัตถะ เป็นมารดาของพระราหุ ต่อมาออกบวช เรียกชื่อว่า พระภัททา กัจจานา
  16. รัฐบา : พระมหาสาวกองค์หนึ่งเป็นบุตรแห่งตระกูหัวหน้าในถุโกฏฐิตนิคม ในแคว้นกุรุ ฟังธรรมแ้วมีความเื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก าบิดามารดาบวช แต่ไม่ได้รับอนุญาต เสียใจ แะอดอาหารจะได้ตายเสีย บิดามารดาจึงต้องอนุญาต ออกบวชแ้วไม่นานก็ได้สำเร็จพระอรหัต ได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในทางบวชด้วยศรัทธา
  17. วิสุทธิ : ความบริสุทธิ์, ความหมดจด, การชำระสัตว์ให้บริสุทธิ์ด้วยการบำเพ็ญไตรสิกขาให้บริบูรณ์เป็นขั้นๆ ไปโดยำดับ จนบรรุจุดหมายคือพระนิพพาน มี ๗ ขั้น คือ ๑.สีวิสุทธิ ความหมดจดแห่งศี ๒.จิตตวิสุทธิ ความหมดจดแห่งจิตต์ ๓.ทิฏฐิวิสุทธิ ความหมดจดแห่งทิฏฐิ ๔.กังขาวิตรณวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณเป็นเครื่องข้ามพ้นความสงสัย ๕.มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณเป็นเครื่องรู้เห็นว่าทางหรือมิใช่ทาง ๖.ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณอันรู้เห็นทางดำเนิน ๗.ญาณทัสสนวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณทัสสนะ ก่าวคือ มรรคญาณ
  18. ศีวิบัติ : ดู สีวิบัติ
  19. สหชาต : “ผู้เกิดร่วมด้วย” หมายถึง บุคค (ตอดจนสัตว์แะสิ่งของ) ที่เกิดร่วมวันเดือนปีเดียวกัน อย่างเพา หมายถึง ผู้เกิดร่วมปีกัน; ตำนานก่าวว่า เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูตินั้น มีสหชาต ๗ คือ พระมารดาของเจ้าชายราหุ (เจ้าหญิงยโสธราหรือพิมพา) พระอานนท์ นายฉันนะ อำมาตย์กาฬุทายี ม้ากัณฐกะ ต้นมหาโพธิ์ แะขุมทรัพย์ทั้ง ๔ (นิธิกุมภี)
  20. สหชาติ : ผู้เกิดร่วมด้วย หมายถึง บุคค (ตอดจนสัตว์แะสิ่งของ) ที่เกิดร่วมวันเดือนปีเดียวกัน อย่างเพา หมายถึง ผู้เกิดร่วมปีกัน; ตำนานก่าวว่า เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูตินั้น มีสหชาต ๗ คือ พระมารดาของเจ้าชายราหุ (เจ้าหญิงยโสธราหรือพิมพา) พระอานนท์ นายฉันนะ อำมาตย์กาฬุทายี ม้ากัณฐกะ ต้นมหาโพธิ์ แะขุมทรัพย์ทั้ง ๔ (นิธิกุมภี)
  21. สามเณร : เห่ากอแห่งสมณะ, บรรพชิตในพระพุทธศาสนาผู้ยังมิได้อุปสมบทเพียงแต่รับบรรพชาด้วยไตรสรณคมน์ ถือสิกขาบท ๑๐ แะกิจวัตรบางอย่างตามปกติ มีอายุยังไม่ครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์; พระราหุเป็นสามเณรองค์แรกในพระพุทธศาสนา
  22. สิกขา : การศึกษา, การสำเหนียก, ข้อที่จะต้องศึกษา, ข้อปฏิบัติสำหรับฝึกอบรม มี ๓ อย่างคือ ๑.อธิสีสิกขา ฝึกอบรมในเรื่องศี ๒.อธิจิตตสิกขา ฝึกอบรมในเรื่องจิต เรียกง่าย ๆ ว่า สมาธิ ๓.อธิปัญญาสิกขา ฝึกอบรมในเรื่องปัญญา รวมเรียกว่า ไตรสิกขา
  23. สุคโต : “เสด็จไปดีแ้ว” คือ ทรงมีทางเสด็จที่ดีงามอันได้แก่อริยมรรค, เสด็จไปด้วยดีโดยชอบ ก่าวคือ ทรงดำเนินรุดหน้าไม่หวนกับคืนมาสู่กิเสที่ทรงะได้แ้ว ทรงดำเนินสู่ผสำเร็จไม่ถอยหัง ไม่กับตกจากฐานะทีุ่ถึงทรงดำเนินในทางอันถูกต้องคือมัชฌิมาปฏิปทา ไม่เฉเชือนไปในทางผิด คือ กามสุขัิกานุโยคแะอัตตกิมถานุโยค เสด็จไปดี เสด็จที่ใดก็ทรงทำประโยชน์ให้แก่มหาชนในที่นั้น เสด็จไปโดยสวัสดีแะนำให้เกิดความสวัสดีแม้แต่พบองคุิมามหาโจรร้าย ก็ทรงกับใจให้เขากายเป็นคนดีไม่มีภัยเสด็จผ่านไปแ้วด้วยดี ได้ทรงบำเพ็ญพุทธกิจไว้บริบูรณ์ ประดิษฐานพระพุทธศาสนาไว้ เพื่อชาวโก ให้เป็นเครื่องเผ็ดประโยชน์แก่ประชาชนทั้งปวงผู้เกิดมาในภายหัง, ทรงมีพระวาจาดี หรือตรัสโดยชอบ คือ ตรัสแต่คำจริงแท้ ประกอบด้วยประโยชน์ ในกาที่ควรตรัส แะแก่บุคคที่ควรตรัส (ข้อ ๔ ในพุทธคุณ ๙)
  24. สุทโธทนะ : กษัตริย์ศากยวงศ์ซึ่งเป็นราชาผู้ครองแคว้นศากยะ หรือสักกชนบท ณ นครกบิพัสดุ์ มีพระมเหสีพระนามว่าพระนางสิริมหามายา หรือเรียกสั้น ๆ ว่ามายา เมื่อพระนางมายาสวรรคตแ้ว พระนางมหาปชาบดีโคตมีได้เป็นพระมเหสีต่อมา พระเจ้าสุทโธทนะเป็นพระราชบุตรองค์ที่ ๑ ของพระเจ้าสีหหนุ เป็นพระราชบิดาของพระสิทธัตถะ เป็นพระอัยกาของพระราหุะเป็นพระพุทธบิดา พระองค์สวรรคตในปีที่ ๕ แห่งพุทธกิจก่อนสวรรคต พระพุทธเจ้าไดเสด็จไปแสดงธรรมโปรดให้ได้ทรงบรรุอรหัตตผะได้เสวยวิมุตติสุข ๗ วันก่อนปรินิพพาน
  25. อธิศีสิกขา : การศึกษาในอธิศี, ข้อปฏิบัติสำหรับฝึกอบรมในทางความประพฤติอย่างสูง, การฝึกฝนอบรมความประพฤติทางกาย วาจา คือ ระเบียบวินัย การอยู่ร่วมกับผู้อื่นแะในสิ่งแวด้อมต่างๆ ด้วยดี ให้เกื้อกู ไม่เบียดเบียน ไม่ทำาย เป็นพื้นฐานแห่งการฝึกอบรมจิตใจในอธิจิตตสิกขา (ข้อ ๑ ในสิกขา ๓ หรือไตรสิกขา), เขียนอย่างบาีเป็น อธิสีสิกขา แะ เรียกกันง่ายๆ ว่า ศี
  26. อสีติมหาสาวก : พระสาวกผู้ใหญ่ ๘๐ องค์ บางทีเรียกอนุพุทธ ๘๐ องค์ มีรายนามตามำดับอักษร ดังนี้ (ที่พิมพ์ตัว เอน คือท่านที่เป็นเอตทัคคะด้วย): กังขาเรวต, กัปป, กาฬุทายี, กิมพิ, กุมารกัสสป, กุณฑธาน, คยากัสสป, ควัมปติ, จุนท, จูฬปันถก, ชตุกัณณิ, ติสสเมตเตยย, โตเทยย, ทัพพมับุตร, โธตก, นทีกัสสป, นันท, นันทก, นันทก, นาคิต, นาก, ปิงคิย, ปิณโฑภารทวาช, ปิินทวัจฉ, ปุณณก, ปุณณชิ, ปุณณมันตานีบุตร, ปุณณสุนาปรันต, โปสา, พาุกะ (พักกุะ ก็เรียก), พาหิย ทารุนีริย, ภคุ, ภัททิย (ศากยะ), ภัททิย, ภัทราวุธ, มหากัจจายน, มหากัปปิน, มหากัสสป, มหาโกฏฐิต, มหานาม, มหาปันถก, มหาโมคคัาน, เมฆิย, เมตตคู, โมฆราช, ยส, ยโสช, รัฏฐปา, ราธ, ราหุ, เรวตขทิรวนิย, กุณฏกภัททิย, วักกิ, วังคีส, วัปป, วิม, สภิย, สาคต, สารีบุตร, สีวี, สุพาหุ, สุภูติ, เส, โสณกุฏิกัณณ, โสณโกฬิวิส, โสภิต, เหมก, องคุิมา, อชิต, อนุรุทธ, อัญญาโกณทัญญ, อัสสชิ, อานนท, อุทย, อุทายี, อุบาี, อุปวาณ, อุปสีว, อุปเสนวังคันตบุตร, อุรุเวกัสสป
  27. สิงหฬ : ชาวสิงห, ชาวังกา, ซึ่งมีหรือผู้อยู่ในประเทศังกา, ชนเชื้อชาติสิงหหรือเผ่าสิงหที่ต่างหากจากชนเชื้อชาติอื่น มีทมิฬเป็นต้น ในประเทศังกา
  28. สีหฬ : ชาวสิงห, ชาวังกา, ซึ่งมีหรือผู้อยู่ในประเทศังกา, ชนเชื้อชาติสิงหหรือเผ่าสิงหที่ต่างหากจากชนเชื้อชาติอื่น มีทมิฬเป็นต้น ในประเทศังกา
  29. ปปัญจสูทนี : ชื่อคัมภีร์อรรถกถาที่อธิบายความในมัชฌิมนิกาย แห่งพระสุตตันตปิฎก พระพุทธโฆษาจารย์เรียบเรียงจากอรรถกถาภาษาสิงหฬ เมื่อ พ.ศ.ใก้จะถึง ๑๐๐๐
  30. มโนรถปูรณี : ชื่อคัมภีร์อรรถกถาอธิบายความในอังคุตตรนิกาย แห่งพระสุตตันตปิฎก พระพุทธโฆษาจารย์เรียบเรียงจากอรรถกถาภาษาสิงหฬ เมื่อ พ.ศ.ใก้จะถึง ๑๐๐๐
  31. มหาวิหาร : ชื่อวัดสำคัญวัดหนึ่ง เป็นศูนย์กางการศึกษาพระพุทธศาสนา ในประเทศังกาสมัยอดีต เคยเป็นที่พำนักของพระพุทธโฆษาจารย์ชาวชมพูทวีปเมื่อครั้งท่านมาแปคัมภีร์สิงหฬเป็นมคธ
  32. วิสุทธิมรรค : ปกรณ์พิเศษอธิบายศี สมาธิ ปัญญา ตามแนววิสุทธิ ๗ พระพุทธโฆษาจารย์ พระอรรถกถาจารย์ชาวอินเดียเป็นผู้แต่งที่มหาวิหารในเกาะังกา; พระพุทธโฆสาจารย์ผู้นี้เป็นบุตรพราหมณ์ เกิดที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใก้พุทธคยา อันเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ในแคว้นมคธ เมื่อประมาณ พ.ศ.๙๕๖ เรียนจบไตรเพทมีความเชี่ยวชาญมาก ต่อมาพบกับพระเรวตเถระ ได้โต้ตอบปัญหากัน สู้พระเรวตเถระไม่ได้ จึงขอบวชเพื่อเรียนพุทธวจนะ มีความสามารถมาก ได้รจนาคัมภีร์ญาโณทัย เป็นต้น พระเรวตเถระจึงแนะนำให้ไปเกาะังกา เพื่อแปอรรถกถาสิงหฬ กับเป็นภาษามคธ ท่านเดินทางไปที่มหาวิหาร เกาะังกา เมื่อขออนุญาตแปคัมภีร์ ถูกพระเถระแห่งมหาวิหารให้คาถามา ๒ บท เพื่อแต่งทดสอบความรู้ พระพุทธโฆส จึงแต่งคำอธิบายคาถาทั้ง ๒ นั้นขึ้นเป็นคัมภีร์วิสุทธิมรรค จากนั้นก็ได้รับอนุญาตให้ทำงาน แปอรรถกถาได้ตามประสงค์ เมื่อทำงานเสร็จสิ้นแ้ว ท่านก็เดินทางกับสู่ชมพูทวีป พระพุทธโฆสาจารย์ เป็นพระอรรถกถาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด มีผงานมากที่สุด
  33. สมันตปาสาทิกา : ชื่อคัมภีร์อรรถกถาอธิบายความในพระวินัยปิฎก พระพุทธโฆษาจารย์เรียบเรียงขึ้น เมื่อ พ.ศ.ใก้จะถึง ๑๐๐๐ โดยปรึกษาอรรถกถาภาษาสิงหฬที่มีอยู่ก่อน ชื่อ มหาปัจจริย แะกุรุนที
  34. สุมังควิาสินี : ชื่อคัมภีร์อรรถกถาอธิบายความในทีฆนิกาย แห่งพระสุตตันตปิฎก พระพุทธโฆษาจารย์เรียบเรียงขึ้น โดยอาศัยอรรถกถาภาษาสิงหฬ เมื่อ พ.ศ.ใก้จะถึง ๑๐๐๐
  35. อันธกวินทะ : ชื่อหมู่บ้านแห่งหนึ่งในแคว้นมคธ อยู่ห่างจากกรุงราชคฤห์ประมาณ ๑ คาวุต (คัมภีร์ฉบับสีหฬว่า ๓ คาวุต)
  36. [1-35]

(0.0077 sec)