hag : (N) ; ตม ; Related:เลน, ปลัก ; Syn:bog, quagmire

morass : (N) ; หล่ม ; Related:หนอง, ปลัก, บึง, ตม ; Syn:mire, quagmire, marsh

swamp : (N) ; หนองน้ำ ; Related:ปลัก, ตม, ที่ลุ่มหนอง, บึง ; Syn:bog, fen, marsh, slough ; Ant:desert

miry : (ADJ) ; ซึ่งเป็นโคลนตม ; Syn:slimy, grimy

mudhole : (N) ; ปลักตม

quaggy : (ADJ) ; ซึ่งเป็นเลนตม ; Related:ซึ่งไม่แข็งแรง, ซึ่งไม่มั่นคง

quagmire : (N) ; พื้นที่ซึ่งเป็นเลนตม ; Syn:bog, marsh

mire : (N) ; หล่ม ; Related:เลน, โคลนตม, โคลน ; Syn:marsh, bog, ooze

node : (N) ; ต่อม ; Related:ปม, ปุ่ม, ตุ่ม ; Syn:joint

vat : (N) ; ภาชนะขนาดใหญ่ ; Related:ถังใหญ่, หม้อ, โอ่ง, ตุ่ม ; Syn:barrel, cistern, keg, tank

ตม : (N) ; mire ; Related:mud ; Syn:เลน, โคลนตม, โคลน ; Def:ดินเปียกที่เหนียวกว่าเลน ; Samp:พวกช้างชอบลงแช่น้ำปลักตมเหมือนพวกควาย

โคลนตม : (N) ; mire ; Related:mud, slime, muck, dirt, ooze ; Syn:ตม ; Def:ดินเปียกเหลวที่เหนียวกว่าเลน ; Samp:ระวังอย่าขับรถไปใกล้ดินตรงที่เป็นโคลนตม เพราะเดี๋ยวล้อรถจะติด ออกไม่ได้

ตม. : (N) ; Civil Servant Provident Fund ; Syn:กองตรวจคนเข้าเมือง

ตม 2 : (N) ; sorrow ; Related:grief ; Syn:ความมืด, ความเศร้าหมอง, ความเขลา

เปือกตม : (N) ; soft mud ; Related:mire, ooze, slime, sludge ; Syn:ตม, เปือกตม, โคลน, เลน ; Def:เลนตมที่ละเอียด ; Samp:ช้างชอบนอนแช่เปือกตม

เปือกตม : (N) ; sludge ; Related:mud, mire, ooze, silt, slime ; Syn:ตม, เปือก ; Def:โคลนตมที่ละเอียด, เลนตมที่ละเอียด ; Samp:ปลาในคลองนี้ตายหมดเพราะความสกปรกสกปรกมีทั้งขยะ ทั้งเปือกตม

เปือก : (N) ; mud ; Related:sludge, mire, ooze, silt, slime ; Syn:ตม, เปือกตม ; Def:ฟองที่เกิดเป็นฝ้าขึ้นจากโคลนตม ; Samp:ในคลองนี้มีขยะและเปือกมากเหลือเกิน ควรลอกเสียที

ตม- ๑, ตโม- : [ตะมะ-] น. ความมืด, ความเศร้าหมอง, ความเขลา. (ป.; ส. ตมสฺ).

ตม ๒ : น. ดินเปียกที่เหนียวกว่าเลน.

เปือกตม : น. เลนตมที่ละเอียด.

อุตดม, อุตตมะ, อุตม : [อุดดม, อุดตะมะ] ว. สูงสุด, ยิ่ง, เลิศ, มากมาย, บริบูรณ์. (ป., ส. อุตฺตม).

อัธยาตมวิทยา : [อัดทะยาดตะมะวิดทะยา] (โบ) น. วิชาว่าด้วยจิต, ปัจจุบันใช้ว่า จิตวิทยา. (ส.).

โคตมโคตร : ตระกูลโคตมะ เป็นชื่อตระกูลของพระพุทธเจ้า

โคตมนิโครธ : ตำบลที่พระพุทธเจ้าเคยทำนิมิตโอภาสแก่พระอานนท์ อยู่ที่พระนครราชคฤห์

สัตตมวาร : วันที่ ๗, วันที่ครบ ๗; พจนานุกรมก็เขียน สัตมวาร

ทำกัปปะ : ทำเครื่องหมายด้วยของ ๓ อย่าง คือ คราม ตม และดำคล้ำ อย่างใดอย่างหนึ่งในเอกเทศ คือส่วนหนึ่งแห่งจีวร เรียกสามัญว่า พินทุ

โคตมี : ชื่อเรียกสตรีแห่งโคตมโคตร เช่น พระนางมหาปชาบดี ผู้เป็นพระแม่น้าของพระสิทธัตถะ เป็นต้น

พระพุทธเจ้า : พระผู้ตรัสรู้เองโดยชอบแล้วสอนให้ผู้อื่นรู้ตาม, ท่านผู้รู้ดีรู้ชอบด้วยตนเองก่อนแล้วสอนประชุมชนให้ประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ; พระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ที่ใกล้กาลปัจจุบันที่สุดและคัมภีร์กล่าวถึงบ่อยๆ คือ พระวิปัสสี พระสิขี พระเวสสภู พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ และพระโคดม; พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์แห่งภัทรกัปป์ปัจจุบันนี้ คือ พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ พระโคดม และพระเมตเตยยะ (เรียกกันสามัญว่า พระศรีอาริย์ หรือ พระศรีอารยเมตไตรย); พระพุทธเจ้า ๒๕ พระองค์นับแต่พระองค์แรกที่พระโคตมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ได้ทรงพบและทรงได้รับการพยากรณ์ว่าจะได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า (รวม ๒๔ พระองค์) จนถึงพระองค์เองด้วย คือ ๑.พระทีปังกร ๒.พระโกณฑัญญะ ๓.พระมังคละ ๔.พระสุมนะ ๕.พระเรวตะ ๖.พระโสภิตะ ๗.พระอโนมทัสสี ๘.พระปทุมะ ๙.พระนารทะ ๑๐.พระปทุมุตตระ ๑๑.พระสุเมธะ ๑๒.พระสุชาตะ ๑๓.พระปิยทัสสี ๑๔.พระอัตถทัสสี ๑๕.พระธัมมทัสสี ๑๖.พระสิทธัตถะ ๑๗.พระติสสะ ๑๘.พระปุสสะ ๑๙.พระวิปัสสี ๒๐.พระสิขี ๒๑.พระเวสสภู ๒๒.พระกกุสันธะ ๒๓.พระโกนาคมน์ ๒๔.พระกัสสปะ ๒๕.พระโคตมะ (เรื่องมาในคัมภีร์พุทธวงส์ แห่งขุททกนิกาย พระสุตตันตปิฎก); ดู พุทธะ ด้วย

สัตมวาร : วันที่ ๗, วันที่ครบ ๗; เขียนเต็มรูปเป็น สัตตมวาร

อาทิตยโคตร : ตระกูลพระอาทิตย์, เผ่าพันธุ์พระอาทิตย์, ตระกูลที่สืบเชื้อสายนางอทิติผู้เป็นชายาของพระกัศยปประชาบดี, ท่านว่าสกุลของพระพุทธเจ้าก็เป็นอาทิตยโคตร (โคตมโคตรกับอาทิตยโคตร มีความหมายอย่างเดียวกัน)

ตม : (วิ.) มืด, ผู้มืด. ติมฺ เตมเน, อ. แปลง อิ เป็น อ. โง่เขลา. ตมฺ กํขายํ. ส. ตม.

ตม (โม) นทฺธ, ตมนิวุต : ค. อันความมืดหุ้มห่อไว้, ถูกความมืดปกคลุมไว้, อันตกอยู่ในความมืด

ตม (โม) นุท : ค. ผู้บรรเทาความมืด, ผู้ขจัดความมืด

ตมขนฺธ : ป. ความมืดทึบ, ความมืดตื้อ

ตมปรายน : ค. มีความมืดเป็นที่ไปในเบื้องหน้า, มีความมืดต่อไปคือไปสู่ทุคติ

เปูอกตม : กทฺทโม, กลลํ

เบิกบาน : ปโมทติ, อตฺตมโน, วิปฺผาริก

มืด : อนฺธกาโร, ตโม, ติมิสํ, ติมิรํ, อนฺธ