paw 1 : (VT) ; ลูบคลำ ; Syn:touch, handle

pick at : (PHRV) ; ลูบคลำ ; Related:คลำ

stroke : (VT) ; ลูบ ; Related:สัมผัส, ลูบคลำ ; Syn:caress, fondle, pet

stroke : (N) ; การลูบ ; Related:การสัมผัส, การลูบคลำ ; Syn:caress, touch

ลูบคลำ : (V) ; grope ; Related:touch, stroke, fumble, feel, fondle ; Syn:คลำ, ลูบ ; Def:เอามือเป็นต้นแตะต้องหรือลูบไปมาอย่างช้าๆ เพื่อให้รู้ว่าเป็นอะไร ; Samp:การที่เราจะทราบว่าเด็กเป็นไข้อาจทราบโดยลูบคลำตัวเด็ก

คลำ : (V) ; grope ; Related:touch, stroke, fumble, feel, fondle ; Syn:ลูบคลำ ; Def:เอามือเป็นต้นแตะต้องหรือลูบไปมาอย่างช้าๆ เพื่อให้รู้ว่าเป็นอะไร ; Samp:รุ่นพี่สั่งให้รุ่นน้องเอามือคลำลงไปในไหทุกคน

ลูบ : (V) ; grope ; Related:touch, stroke, fumble, feel, fondle ; Syn:ลูบคลำ, คลำ ; Def:เอาฝ่ามือทาบลงแล้วเลื่อนไปมาเป็นต้น

ละโบม : (V) ; caress ; Related:fondle, stroke, pet ; Syn:โลม, ลูบคลำ, เคล้าคลึง

การลูบ : (N) ; pat ; Related:stroke, pet, feel, caress ; Syn:การคลำ, การลูบคลำ ; Def:การเอาฝ่ามือทาบลงแล้วเลื่อนไปมาเป็นต้น ; Samp:การลูบหัวเด็กเป็นการแสดงความรัก ความเมตตา

การสัมผัส : (N) ; touch ; Related:contact ; Syn:การจับ, การแตะต้อง, การลูบคลำ, การคลำ, การสัมผัส ; Def:การถูกต้อง, การแตะต้อง, การกระทบกัน, เช่น มีใครมาสัมผัสไหล่ พยายามให้เท้าสัมผัสหญ้าเสียบ้างจะได้มีสุขภาพดี การสัมผัสมือกัน, การคล้องจองกัน เช่น คำในกลอนบทนี้สัมผัสกันดี

คลึงเคล้น : (V) ; caress ; Related:fondle, stroke, roll and rotate with the hand, massage (in a circular motion) ; Syn:บีบเคล้น, เคล้น ; Def:ลูบคลำและบีบเน้นไปมา ; Samp:ชายชรานอนให้หลานชายคลึงเคล้นตามลำขาจนรู้สึกว่าหายปวดเมื่อยขึ้นบ้าง

คลึงเคล้า : (V) ; caress ; Related:fondle ; Def:ทั้งคลึงทั้งเคล้า, ลูบคลำกอดรัด ; Samp:เขาค่อยๆ คลึงเคล้าเบาๆ ไปตามตัวของเธอ

เคล้าคลึง : (V) ; caress tenderly ; Related:pet, fondle ; Syn:ลูบไล้, คลอเคลีย ; Def:ทั้งเคล้าทั้งคลึง ลูบคลำกอดรัด

ลูบคลำ : ก. จับต้องด้วยความชอบใจหรือสนใจเป็นต้น เช่น ลูบคลำ อยู่นานไม่ซื้อเสียที.

เล้าโลม : ก. กอดจูบลูบคลำแสดงความรัก, พูดปลอบโยนให้โอนอ่อนตาม, โลมเล้า ก็ว่า.

โลมเล้า : ก. กอดจูบลูบคลำแสดงความรัก, พูดปลอบโยนให้ โอนอ่อนตาม, เล้าโลม ก็ว่า.

จูฬปันถกะ : พระมหาสาวกองค์หนึ่ง ในอสีติมหาสาวก เป็นบุตรของธิดาเศรษฐีกรุงราชคฤห์ และเป็นน้องชายของมหาปันถกะ ออกบวชในพระพุทธศาสนา ปรากฏว่ามีปัญญาทึบอย่างยิ่ง พี่ชายมอบถาคาเพียง ๑ คาถาให้ ท่องตลอดเวลา ๔ เดือน ก็ท่องไม่ได้จึงถูกพี่ชายขับไล่ เสียใจคิดจะสึก พอดีพอพระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสปลอบแล้วประทานผ้าขาวบริสุทธิ์ให้ไปลูบคลำพร้อมทั้งบริกรรมสั้นๆ ว่า “รโชหรณํ ๆๆ” ผ้านั้นหมองเพราะมือคลำอยู่เสมอ ทำให้มองเห็นไตรลักษณ์และได้สำเร็จพระอรหัต ท่านมีความชำนาญ แคล่วคล่อง ในอภิญญา ๖ ได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในบรรดาผู้ฉลาดในเจโตวิวัฏฏ์; ชื่อท่านเรียกว่าง่ายๆ ว่าจูฬบันถก, บางแห่งเขียนเป็นจุลลบันถก

ปรามาส : (ปะรามาด) การจับต้อง, การยึดฉวย, การจับไว้มั่น, การลูบหรือเสียดสีไปมา, ความยึดมั่น; มักแปลกันว่า การลูบคลำ

ฉุปติ : ก. แตะต้อง, ลูบคลำ

ปฏิมสติ : ก. ถูกต้อง, ลูบคลำ

ปมชฺชติ : ก. ประมาท, มัวเมา, เลินเล่อ, เผลอสติ, ปล่อยปละละเลย; ลูบคลำ, ลูบไล้, ถู; เช็ด, ถูออก

ปรามสติ : ก. ถูกต้อง, จับต้อง, ลูบคลำ, จับฉวย, ยึดมั่น, กอดรัด

สมฺมสติ : ก. เข้าใจ, รู้ตลอด, ลูบคลำ, พิจารณา